อบต.เมืองน้อย อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด

คำขวัญ อบต.เมืองน้อย >>>เมืองน้อยพัฒนา การศึกษาก้าวไกล เศรษฐกิจสดใส ดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
หัวข้อ:: ประชาสัมพันธ์ เรื่อง การป้องกันคลอดก่อนกำหนด


 
แนวคิดการเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ 
ภายใต้แคมเปญ “เรียนรู้ ร่วมแรง รณรงค์ ป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนด”

 
    แนวคิดหลักภายใต้แคมเปญ ตอนที่ 1 อันตรายของการคลอดก่อนกำหนด
เมื่อพบภาวะแทรกซ้อนในทารกเกิดก่อนกำหนด จะส่งผลให้ทารกรายนั้นต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องมากกว่าทารกครบกำหนด เช่น ทารกมีโรคปอดเรื้อรังบางรายต้องใช้เครื่องให้ออกซิเจนตลอดเวลา อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 2 ปี โรคจอตาเจริญเติบโตผิดปกติในทารกเกิดก่อนกำหนด ทำให้เสี่ยงต่อการมีสายตาเลือนลางหรือตาบอดหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม ทารกมีภาวะเลือดออกในโพรงสมองอาจมีผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต หากเป็นโรคลำไส้เน่าเปื่อยและได้รับการผ่าตัดเอาลำไส้ส่วนตายออกไป อาจไม่สามารถกินนมได้ช่วงเวลาหนึ่ง คุณแม่กลุ่มนี้จึงมักมีความเครียดสูง กลัวลูกเสียชีวิต ไม่แข็งแรงสมบูรณ์ มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งหากเครียดมากก็อาจทำให้คุณแม่เกิดภาวซึมเศร้าหลังคลอด รับประทานอาหารได้น้อยลง ไม่ดูแลตัวเอง นอกจากนี้การที่ทารกมีอายุครรภ์น้อนมากๆ คุณแม่ก็อาจไม่สามารถให้นมบุตรไดเอง ส่งผลให้การสร้างน้ำนมลดลง ต้องเปลี่นมาใช้นมผสมทดแทน เป็นต้น

  แนวคิดหลักภายใต้แคมเปญ ตอนที่ 2 ฝากครรภ์เร็วปลอดภัยกว่า
การที่หญิงตั้งครรภ์เข้ามาฝากครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์แรก จะนำไปสู่การยืนยันอายุครรภ์ที่ถูกต้อง ได้รับการประเมินความเสี่ยงจากแพทย์เพื่อรักษาและป้องกัน หากมาช้ากว่าอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ อาจทำให้การคำนวณอายุครรภ์ผิดพลาด ไม่สามารถกำหนดอายุครรภ์เมื่อครบ 37 สัปดาห์ ได้ นอกจากนั้นโอกาสที่จะได้รับการดูแลรักษาโรคหรือภาวะแทรกซ้อนอาจล่าช้าออกไป เพราะผู้หญิงหลายคนอาจมีความเสี่ยงซ่อนอยู่ เมื่อตั้งครรภ์อาจมีผลต่อสุขภาพของตนเอง เช่น ฟันผุ โลหิตจาง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือ ประวัติการผ่าตัดคลอด ผ่าตัดมดลูกและปีกมดลูกประวัติความเจ็บป่วยในพ่อ-แม่-พี่น้อง-ครอบครัว ก็อาจมีผลต่อบุตรในครรภ์ได้ ควรสร้างจิตสำนึกให้ไปพบแพทย์เมื่อทราบวาสตั้งครรภ์  เพื่อให้แพทย์ค้นหาความเสี่ยง และความเจ็บป่วยในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์

    แนวคิดหลักภายใต้แคมเปญ ตอนที่ 3 ชีวิตลูกอยู่ในมือแม่ (พฤติกรรมของแม่)
จากการศึกษาข้อมูลงานวิจัย พบว่า หญิงเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดเป็นหญิงกลุ่มวัยทำงานที่มีหลากหลายอาชีพ ได้แก่ ค้าขาย เกษตรกรรม รับจ้าง เป็นต้น ในขณะที่อีกบทบาทหนึ่ง คือ แม่บ้าน ตั้งแต่ ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน หุ้งข้าว ทำกับข้าว ซักผ้าและรีดผ้า เป็นต้น การเปลี่ยนท่านั่งยองเป็นยืนบ่อยครั้ง หรือเดินขึ้นบันไดหลายครั้งต่อวัน หากมีบุตรที่ต้องดูแล หรือผู้ป่วยติดเตียง ก็มีความเหนื่อยล้ามากขึ้น หากเป็นหญิงทำงานการเดินทางมาทำงานไกลทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซด์หรือจักรยาน การยืนโหนราวบนรถเมล์หรือรถไฟฟ้าขณะเดินทางที่ต้องเกร็งตัวเมื่อรถเลี้ยว หรือวิ่งอยู่บนถนนที่ขรุขระ อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อบุตรในครรภ์ได้ อันนี้ไม่นับรวมกับพฤติกรรมขณะทำงาน เช่น การกลั้นปัสสาวะ การนั่งทำงานนานๆ หรือ ความเครียดจากการทำงาน

คุณสุพาพร แสนศรี พบว่า หญิงตั้งครรภ์จะมีการเผชิญความเครียดหลายด้าน เช่น ด้านกายภาพ แสง เสียง ความร้อน ความเย็น ด้านเคมี ด้านชีวภาพ ด้านการเคลื่อนไหวและการยืน และด้านจิตวิทยาสังคม สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเครียด เหนื่อยล้า ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และยังทำให้มีอาการไม่สุขสบาย ได้แก่ เวียนหัว ปวดศีรษะ ปวดหลัง ขาบวม  อารมณ์หดหู่ เครียดหงุดหงิด เป็นต้น นำไปสู่การแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย

“หญิงตั้งครรภ์สามารถปฏิบัติงานและใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โดยปรับเหมาะสมตามอาชีพ”

 
แนวคิดหลักภายใต้แคมเปญ ตอนที่ 4 สัญญาณเตือนคลอดก่อนกำหนด
จากการศึกษาหญิงคลอดบุตรก่อนกำหนดในโครงการวิจัย พบว่า ประมาณ ร้อยละ 62 ของหญิงคลอดก่อนกำหนดให้ข้อมูลว่าไม่เคยมีความรู้เรื่องภาวะคลอดก่อนกำหนดมาก่อน และเมื่อมีอาการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด หรืออาการผิดปกติอื่นๆ มักเดินทางเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลล่าช้าใช้เวลามากกว่าเมื่อมีอาการผิดปกติอื่น เช่น เลือดออก มีน้ำไหลออกจากช่องคลอด เป็นต้น จนมีอาการเจ็บครรภ์รุนแรงมากขึ้นจึงเข้ามารับการรักษา เป็นเหตุให้แพทย์ไม่สามารถให้การยับยั้งต่อจนสามารถตั้งครรภ์ครบกำหนดคลอด มีน้อยมากที่บอกว่ากลัวทารกเป็นอันตรายจากการคลอดก่อนกำหนด คณะผู้วิจัยจึงได้นำเสนอแนวคิดเรื่องการผลิตสื่อเพื่อป้องกันภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดสำหรับให้ประชาชน และหญิงตั้งครรภ์ได้รับทราบเพื่อนำไปใช้ป้องกันและดูแลครรภ์ตนเองต่อไป 
 
 

ประชาสัมพันธ์การให้ความรู้ เรื่อง การฝากครรภ์
  การฝากครรภ์ ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ว่าที่คุณแม่จะต้องทำ เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างเรียบร้อย ลดความเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นทั้งกับตัวคุณแม่และลูกในท้อง นอกจากนี้ยังรวมถึงการตรวจหลังคลอด เพื่อการดูแลอย่างถูกวิธีด้วย ซึ่งการฝากครรภ์คุณภาพจะยิ่งช่วยให้ทราบถึงพัฒนาการของการตั้งท้องในแต่ละช่วงเวลาเพื่อปรับตัวให้เหมาะสม ส่วนต้องทำอย่างไรและช่วงไหนบ้างเรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย

การฝากครรภ์คุณภาพ คืออะไร?
     การฝากครรภ์คุณภาพ หมายถึง การฝากครรภ์ครั้งแรกก่อน 12 สัปดาห์และการฝากครรภ์อย่างน้อย  5 ครั้งตลอดระยะการตั้งท้อง เพื่อให้มารดาและทารกได้รับการบริการทางสุขภาพที่ครบถ้วนและดีที่สุด ระหว่างตั้งท้องซึ่งก็จะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงหลังคลอดลูกด้วย

ข้อดีของการฝากครรภ์ ครั้งแรกก่อน 12 สัปดาห์
     การฝากครรภ์ ครั้งแรกก่อน 12 สัปดาห์ หรือก่อน 3 เดือน จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาสำคัญที่อวัยวะของทารกเริ่มสร้างคือตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เมื่อครบ 8 สัปดาห์ ทารกในครรภ์จะมีอวัยวะครบร้อยละ 90 และสมองเติบโตถึง ร้อยละ 50 การฝากครรภ์เร็วและมีคุณภาพ ช่วยค้นหาภาวะเสี่ยงและลดภาวะแทรกซ้อนทั้งในมารดาและทารก ทำให้ทารกสมบูรณ์แข็งแรงและมารดาปลอดภัยจากการตั้งครรภ์และการคลอดลูกรวมถึงการใช้ชีวิตหลังคลอดด้วย

การฝากครรภ์ต้องทำทั้งหมดกี่ครั้ง? 
     ตามปกติ หญิงตั้งครรภ์ควรไปตรวจครรภ์อย่างน้อย 5 ครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ ดังนี้คือ

      ครั้งที่ 1 ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ : เป็นระยะที่สำคัญมาก โดยอันดับแรกควรได้รับการตรวจว่า การตั้งครรภ์ปกติหรือไม่ อย่างไร เกิดตำแหน่งใด มีตัวอ่อนหรือไม่ แม่มีการใช้ยาอะไรอยู่ก่อนหรือป่าว มีภาวะหรือโรคประจำตัวใดที่ต้องเฝ้าระวัง และเนื่องจากระยะนี้อยู่ระหว่างการเริ่มสร้างตัวอ่อนและเริ่มสร้างอวัยวะสำคัญๆ จึงควรได้รับการจ่ายวิตามิน หรือกรดโฟลิกเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งนี้การฝากท้องและปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมส่วนใหญ่เมื่อตรวจหลังคลอดจะพบความผิดปกติน้อยกว่าคนที่ไม่ดูแลสุขภาพระหว่างตั้งท้อง
    ครั้งที่ 2 เมื่ออายุครรภ์ 18 สัปดาห์ : เป็นระยะที่ตัวอ่อนเริ่มเจริญเติบโตเป็นทารก ต้องตรวจติดตามการสร้างอวัยวะ พัฒนาการ ขนาดและน้ำหนัก การฝากครรภ์และไปตามแพทย์นัดจะช่วยให้คุณแม่ทราบได้เร็วกรณีที่เกิดความผิดปกติขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
   ครั้งที่ 3  เมื่ออายุครรภ์ 26 สัปดาห์ : เป็นระยะเฝ้าดูการเจริญเติบโตของทารก ต้องตรวจติดตามการสร้างอวัยวะ พัฒนาการ ขนาดและน้ำหนัก
   ครั้งที่ 4  เมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์ : เป็นระยะเฝ้าดูการเจริญเติบโตของทารก ว่าเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ หลังอายุครรภ์ 36 จะแพทย์ที่รับฝากครรภ์จะเริ่มนัดถี่มากขึ้น อาจเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
   ครั้งที่ 5  เมื่ออายุครรภ์ 38 สัปดาห์ : เป็นระยะเฝ้าระวังการคลอดลูก จะต้องตรวจเช็ครก น้ำคร่ำ การกลับหัวของทารก เพื่อแพทย์ที่รับฝากครรภ์จะได้ทำวางแผนการคลอดให้เหมาะสม
     ข้อดีของการฝากครรภ์ คุณภาพไปตรวจครรภ์ครบทั้ง 5 ครั้ง คือช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ทั้งในแม่และทารกในครรภ์ รวมทั้งช่วยให้แพทย์สามารถติดตามพัฒนาการการเจริญเติบโตของทารกและสุขภาพร่างกายมารดาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมด้วย
 

หากมีสัญญาณเตือน ดังต่อไปนี้ ต้องรีบไปพบหมอทันที!

ท้องแข็ง ท้องปั้น ปวดบั้นเอว เจ็บหน่วงท้องน้อย

มีน้ำไหล มีเลือดออก แม้ไม่เจ็บท้อง

 

วันที่ : 13 มิถุนายน 67 View : 93
รายละเอียด :  
ผู้ตอบ :  
อักขระ :